การรู้ว่าเมื่อไหร่ที่บางสิ่ง ‘ดีพอ’ มันคือการรักษาสมดุลระหว่างการมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ การรักษาความคาดหวังที่เป็นจริง และการหลีกเลี่ยงความสมบูรณ์แบบที่เป็นอันตราย นี่คือขั้นตอนเชิงปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าเมื่อไหร่ที่บางสิ่ง ‘ดีพอ’:

  1. กำหนดเป้าหมายของคุณ: ทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าคุณต้องการบรรลุอะไร สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีเส้นชัยที่ต้องมุ่งไป

  2. ตั้งมาตรฐานที่เป็นจริง: เป้าหมายที่ทะเยอทะยานนั้นยอดเยี่ยม แต่มาตรฐานที่ไม่สมจริงสามารถขัดขวางความก้าวหน้าได้ กำหนดมาตรฐานที่ทำได้ตามทักษะ ทรัพยากร และข้อจำกัดของคุณ

  3. กำหนดเกณฑ์: แยกแยะระหว่าง ‘จำเป็น’ และ ‘มีไว้ก็ดี’ ไม่ใช่ทุกข้อกำหนดที่มีน้ำหนักเท่ากัน ทำความเข้าใจว่าคุณสามารถประนีประนอมได้ที่ไหนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพหรือผลลัพธ์โดยรวม

  4. ขอความคิดเห็น: ข้อมูลจากผู้อื่นสามารถให้มุมมองใหม่ๆ ได้ พวกเขาอาจสังเกตเห็นช่องว่างที่คุณพลาดไป หรือยืนยันว่างานของคุณเป็นไปตามมาตรฐานจริงๆ

  5. วัดความคืบหน้าของคุณ: ใช้เป้าหมายและมาตรฐานของคุณเป็นไม้บรรทัด ถ้าคุณทำตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องก้าวต่อไป

  6. ให้เวลากับมัน: พักสักหน่อยแล้วกลับมาทบทวนงานของคุณหลังจากนั้น การเว้นระยะห่างสามารถให้มุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพของงานของคุณ

  7. ตรวจสอบระดับความพึงพอใจของคุณ: ดีพอมักจะหมายถึงคุณพอใจกับผลลัพธ์สุดท้าย ถ้ามันทำให้คุณมีความสุขและเติมเต็มวัตถุประสงค์ของมัน มันอาจจะ ‘ดีพอ’

การเรียนรู้ที่จะพูดว่า ‘ดีพอ’ สามารถเพิ่มผลผลิตของคุณ ปรับปรุงสุขภาพจิตของคุณ และนำความพึงพอใจมาสู่การทำงานและชีวิตของคุณมากขึ้น จำไว้ว่าความสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องส่วนตัว และสิ่งที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบในวันนี้ อาจไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจงมุ่งสู่ความก้าวหน้า ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ

การค้นหาสมดุลคือกุญแจสำคัญ พัฒนา ปรับตัว และเติบโต แต่จำไว้ว่าการแสวงหาความเป็นเลิศไม่ควรมาพร้อมกับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจของคุณ ดังนั้นในครั้งต่อไปที่คุณพบว่าตัวเองติดอยู่ในวงจรของการปรับแต่งและแก้ไขที่ไม่สิ้นสุด ให้หยุด ประเมินใหม่ และถามตัวเองว่า “นี่มันดีพอแล้วหรือยัง” บ่อยครั้งที่คำตอบคือใช่